ชไนเดอร์ฯ จัดงาน Innovation Summit แสดงนวัตกรรมสุดล้ำ ที่ประเทศสิงคโปร์

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

เปิดตัวนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในเอเชียใต้

งาน Innovation Summit World Tour จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยครอบคลุมอีก 20 งานที่จัดขึ้นในทั่วโลก นับเป็นการจัดงานที่มีจำนวนมากกว่าปี 2017 ถึง 2 เท่า โดยงานที่จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ในปีนี้ จะเป็นงานใหญ่ที่สุดที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเคยจัดมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งมีการโชว์เคส ถึงการพัฒนาล่าสุดของ EcoStruxure™ ที่เป็นสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มระบบเปิด ให้ศักยภาพด้าน IoT รองรับการใช้งานในลักษณะ plug and play สามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นได้ไม่มีข้อจำกัด ซึ่ง แพลตฟอร์ม EcoStruxure™ นี้ จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ EcoStruxure™ ยังเป็นการยกระดับความก้าวหน้าในเรื่องของ IoT โมบิลิตี้ ระบบเซนเซอร์ คลาวด์ การวิเคราะห์ และระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ เพื่อมอบนวัตกรรมในทุกระดับ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อ ระบบควบคุมปลายทางไปยังแอปพลิเคชัน (Edge Control) การวิเคราะห์ และการบริการต่างๆ โดยที่ผ่านมา EcoStruxure™ ได้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 480,000 ไซต์งาน โดยผู้วางระบบและผู้พัฒนากว่า 20,000 รายที่ให้การสนับสนุน ซึ่งมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 1.6 ล้านรายการ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการผ่านบริการด้านดิจิทัลมากกว่า 40 บริการ

การพัฒนา EcoStruxure หลักๆ ที่นำเสนอในงานครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้

  • EcoStruxure Power อีกขั้นของสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มแห่งอนาคตของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ให้ศักยภาพด้าน IoT  สำหรับการจ่ายไฟฟ้า โดยให้ขีดความสามารถมหาศาลในการจัดการพลังงานา ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและให้ความน่าเชื่อถือสูง พร้อมเปิดตัว EcoStruxure Power Advisor ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันใหม่สำหรับผู้ใช้งาน รวมถึง EcoStruxure Power Monitoring Expert 9.0 และ Power Scada Operation 9.0 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์บริหารจัดการที่ควบคุมอุปกรณ์ปลายทาง (edge control management software) พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อ ได้แก่Prologic ION9000 Meter and Easergy P3 Protection Relay
  • EcoStruxure Building  สถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ออกแบบมาสำหรับอาคาร ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินการจัดการด้านอาคาร พร้อมเพิ่มความสะดวกสบาย ให้ผลลัพธ์ในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งมี EcoStruxure Building Advisor แอปพลิเคชันใหม่สำหรับผู้ใช้งาน รวมถึงระบบควบคุมการทำงานปลายทาง EcoStruxure Building Operation 2.0 ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ SmartX IP Controller MPx และ SmartX Room Sensors อีกด้วย
  • Ecostruxure Plant & Machine เป็นเทคโนโลยี IIoT ครอบคลุมถึง ซอฟต์แวร์ที่ผสานรวมการทำงาน ซึ่งพร้อมสำหรับกระบวนการผลิตอัจฉริยะ และมอบโอกาสใหม่ทางธุรกิจสำหรับโรงงาน และผู้ผลิตเครื่องจักร ช่วยเพิ่มผลกำไรด้วย EcoStruxure Triconex และเพิ่มผลผลิตที่ดีขึ้นด้วย EcoStruxure Machine Advisor
  • EcoStruxure Asset Advisor แอปพลิเคชันที่ให้บริการตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งเป็นบริการที่จำเป็นอย่างมาก ช่วยคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า โดยทำงานผ่านคลาวด์ ด้วยการอาศัยข้อมูลในแบบ24/7 เพื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับการทำงานของอุปกรณ์สำคัญในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการจ่ายไฟฟ้า

แนวคิดที่ชัดเจนสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล

 “โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติการณ์ เนื่องจากความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเทคโนโลยีอย่างเช่น Internet of things (IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างนวัตกรรมได้มากขึ้น ทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขัน” นายฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบ เราต้องการแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมของเราสามารถช่วยลูกค้าและคู่ค้า ก้าวสู่การปฏิรูปทางดิจิทัลได้สำเร็จ ทั้งในระบบออโตเมชัน และการจัดการพลังงาน  เทคโนโลยีของเราสร้างบนฐานของ EcoStruxure™ ที่ช่วยควบคุมอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ช่วยให้ลูกค้าของเรากลายเป็นผู้นำในเศรษฐกิจแบบใหม่ ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ การเชื่อมต่อที่ดีขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น”

โดยตลอด 2 วันของการจัดงาน ลูกค้าต่างเข้าร่วมฟังการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ (Strategy Talks) หลากหลายหัวข้อด้วยกัน เช่น ‘นิยามใหม่ของการกระจายพลังงาน’ ‘การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ช่วยสร้างระบบการผลิตที่ชาญฉลาด’ และ ‘อาคารในรูปแบบใหม่’ โดยบริษัทได้จัดการประชุมเฉพาะด้านต่างๆ มากกว่า 15 หัวข้อ สำหรับทั้งลูกค้าและคู่ค้า พร้อมนำเสนอกรณีศึกษาความสำเร็จของลูกค้าที่เป็นรูปธรรม รวมถึงโซลูชั่น พร้อมการอภิปรายที่เปิดให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมในลักษณะอินเตอร์แอกทีฟ นอกจากนี้ ยังมี การนำเสนอนวัตกรรมในรูปแบบ Innovation Hub บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สำหรับการสาธิตผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ โซลูชัน และการบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ในงาน Innovation Summit ที่ประเทศสิงคโปร์นี้ ยังแสดงให้เห็นถึงพลังเครือข่ายที่เติบโตขยายไปอย่างต่อเนื่องของบริษัท ทั้งในด้านเทคโนโลยี และพันธมิตรคู่ค้า รวมถึงสตาร์ทอัพ โดยจะมีการนำเสนอโซลูชั่นจากพันธมิตร อาทิ ไมโครซอฟท์ แอคเซนเจอร์ ซิสโก้ ออโต้กริด แดนฟอสส์ ซอมฟี่ และ AVEVAเป็นต้น

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.