โนเกีย เผยศักยภาพทรงพลังของเทคโนโลยี 5G

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

 

20 สิงหาคม 2561, กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย – โนเกีย จัดแสดงการสาธิตโซลูชั่นใหม่ล่าสุด เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีนวัตกรรมเครือข่ายที่ล้ำสมัย พร้อมตอบรับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ในงานวันนวัตกรรมโนเกีย 2018 (Nokia Innovation Day 2018) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ กรุงเทพมหานคร

นโยบายไทยแลนด์ 4.0 มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับคนไทยด้วยการเพิ่มการเชื่อมต่อให้กับทุกสิ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์และขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปของโครงสร้างทางธุรกิจ ด้วยการปฏิรูปของระบบดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนี้การจัดแสดงสาธิตเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายแล้ว โนเกียยังให้ความสำคัญกับการจัดแสดงระบบอีโคซิสเต็มของ 5G ที่มีครบวงจรและสมบูรณ์ เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้กับประเทศด้วยการเติบโตในเชิง พาณิชย์ สังคม และอุตสาหกรรม ให้ประสบความสำเร็จต่อไป

5G เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับโนเกีย และเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพและมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทยที่มีการแพร่หลายของอุปกรณ์เคลื่อนที่มากถึง 110 เปอร์เซ็นต์[1]ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องจากโนเกียให้เป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะนำเอาความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระดับโลกมาประยุกต์ใช้ เพื่อตอบสนองต่อตลาดที่มีศักยภาพสูงเช่นประเทศไทย พร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสาร ซึ่งมีโนเกียคอยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0

การจัดแสดงสาธิตที่น่าสนใจ:

5G New Radio (NR)

โนเกียจัดแสดงเทคโนโลยี 5G สำหรับโครงข่ายโทรคมนาคมแห่งโลกอนาคต ด้วยเทคโนโลยีโซลูชั่น 5G New Radio ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3GPP ซึ่งระบบรับส่งข้อมูลทางอากาศ (air interface) แบบใหม่นี้ จะช่วยให้การรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับการทำงานของเครือข่ายบรอดแบนด์ของอุปกรณ์เคลื่อนได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ หรืออุปกรณ์ที่มีความหลากหลาย ทั้งยังครอบคลุมการใช้งาน 5G ได้ทั่วโลกอีกด้วย

ผลประโยชน์สำหรับลูกค้า

–         ตอบสนองต่อความต้องการของการเชื่อมต่อข้ามเครือข่ายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้

–         เอื้อประโยชน์แก่ผู้ให้บริการที่ต้องการโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กร

–         ส่งความเร็วผ่านทางสายไฟเบอร์ ด้วยเทคโนโลยีไร้สาย ในราคาต่อบิทที่ถูกลง แต่ยังคงประสิทธิภาพในการเชื่อมต่ออุปกรณ์รับส่งได้หลากหลาย

เทคโนโลยีการกระจายสัญญาณไวไฟของโนเกีย แบบ Mesh และ Home Insight

โนเกีย ไวไฟ เป็นโซลูชั่นที่ช่วยกระจายสัญญาณไวไฟความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ผู้ให้บริการและผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อุปกรณ์ได้ถูกจัดแสดงในรูปแบบการใช้งานในบ้าน โดยเป็นการสาธิตเพื่อแสดงให้เห็นว่าโซลูชั่นของโนเกียช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย อาทิ การกระจายสัญญาณผ่านจุดเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น การสแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าถึงเครือข่ายอุปกรณ์ในบ้าน และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของผู้ใช้งาน

ผลประโยชน์สำหรับลูกค้า

–         ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยการลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ ซึ่งรวมถึงลดจำนวนช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้อง (สามารถช่วยลดความวุ่นวายสำหรับลูกค้าได้)

–         เพิ่มจำนวนรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน โดยการขายอุปกรณ์และการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มได้เช่น (แบนด์วิดท์ ตัวเชื่อม เป็นต้น)

–         ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์การใช้ไวไฟความเร็วสูงสุด

Ultra Compact Network

โนเกีย อัลตร้า คอมแพคท์ เน็ตเวิร์ค (Nokia Ultra Compact Network: UCN) คือ เครือข่าย LTE แบบครบวงจร ประกอบด้วย วิทยุ เครือข่ายส่วนกลาง และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งสามารถติดตั้งได้ภายในเวลาไม่กี่นาที เพื่อรับส่งเสียง วิดีโอ บริการข้อมูล บรอดแบนด์ รวมไปถึงความปลอดภัยสำหรับสาธารณะ และลูกค้า LTE แบบองค์กร โดย UCN นี้ ถือเป็นฟอร์มแฟกเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดของระบบ LTEของโนเกีย โดยมีขนาดเล็กและสามารถใช้งานสำหรับการทำภารกิจและการสื่อสารในช่วงภาวะวิกฤติได้

เครือข่ายที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองนี้ สามารถส่งสัญญาณได้อย่างครอบคลุมทั้งในพื้นที่ห่างไกลหรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ทั้งยังช่วยในการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ได้ทันทีสำหรับหน่วยปฏิบัติการในเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ผลประโยชน์สำหรับลูกค้า

–         เครือข่าย LTE แบบครอบคลุมทุกพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทันทีและเชื่อถือได้ สำหรับการทำภารกิจและการสื่อสารในช่วงภาวะวิกฤติได้

–         สะดวกต่อการขนย้าย

–         สามารถใช้งานได้ภายใน 5 นาที

–         ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

–         ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนใช้งานได้ แม้ไม่ใช่ช่างเทคนิค

–         รับประกันความปลอดภัย

–         สามารถใช้งานได้ยาวนาน

–         ให้ประสิทธิภาพสูง

–         ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

เทคโนโลยีจำลองการเตะลูกโทษสำหรับฟุตบอล (Virtual Reality Penalty Kick)

ในเกมการแข่งฟุตบอลเสมือนจริง ผู้เล่นจะถูกจำลองว่าเข้าไปอยู่ในสนามฟุตบอล เพื่อทดสอบความสามารถในการเตะลูกโทษ ด้วยแว่นตา VR และกล้อง VR 360o แบบสามมิติ การเคลื่อนไหวทั้งหมดจะถูกจับด้วยเซ็นเซอร์จาก Kinect โดยคาแรกเตอร์อวตารของผู้เล่นจะสามารถเตะลูกโทษด้วยการจำลองจากเครือข่าย 5G

นายเซบาสเตียน โลฮอง ผู้อำนวยการโนเกียประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระดับโลกของโนเกีย ทำให้เราเป็นพันธมิตรที่น่าไว้วางใจสำหรับบริษัทผู้ให้บริการในประเทศไทยที่มองหาโอกาสในการพัฒนาและติดตั้งโซลูชั่นเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าให้สอดคล้องกับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อีโคซิสเต็ม 5G ของโนเกียยังมีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งสามารถส่งเสริมให้การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้นต่อไป”

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.