กรุงเทพฯ 12 พฤศจิกายน 2562 : บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL บริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก ได้จัดออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าสูงสุดของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ออกและเสนอขายในปีนี้ ซึ่งกำหนดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกที่ 5.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” และอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และได้ขึ้นทะเบียนกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายซันเจย์ อาฮูจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้จะส่งเสริมสถานะทางการเงินของ IVL ให้แข็งแกร่งขึ้น และช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มการเติบโตที่ดีและศักยภาพของ IVL ในฐานะบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลกที่ผลิตวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมต่างๆ เราขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นใน IVL” โดยหุ้นกู้ฯ นี้เสนอขายผ่านธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์
IVL มีรายได้ในปี 2561 เป็นอันดับที่ 35 ในกลุ่มบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลกจากการรายงานของนิตยสาร Chemical Week ทั้งนี้ ระหว่างปี 2557 – 2562 บริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ PET แบบบูรณาการ เส้นใยและเส้นด้าย ออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์, เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และบรรจุภัณฑ์ โดยมีโรงงานจำนวน 102 แห่ง ใน 31 ประเทศทั่วโลก ทั้งในเอเซีย อเมริกา ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งทำให้ไอวีแอลมีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสริมฐานการผลิตแบบบูรณาการทั่วโลก เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกตลาดสำคัญ
นอกจากการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ไอวีแอลมุ่งส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยสร้างสมดุลการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ไอวีแอลได้ประกาศเจตนารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของ The New Plastics Economy Global Commitment ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาขององค์กรทุกภาคส่วนทั่วโลกที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจระบบใหม่ที่พลาสติกจะไม่ได้เป็นของเสียหรือมลภาวะอีกต่อไป IVL ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายในการเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์รีไซเคิลเป็น 750,000 ตันต่อปี และเตรียมลงทุนเพิ่มเติมมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวภายในปี 2568