ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชี้ เอดจ์ คอมพิวติ้ง (Edge Computing) เพิ่มศักยภาพการปฏิรูปสู่ดิจิทัล สำหรับธุรกิจ

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น จัดงาน “Life at the Edge” ซึ่งเป็นงานนานาชาติ ที่จัดขึ้นครั้งล่าสุดที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้  โดยในงานมีผู้เชี่ยวชาญของชไนเดอร์ อิเล็คทริค รวมถึงนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ลูกค้าและคู่ค้าของชไนเดอร์ อิเล็คทริคมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนโอกาสอันยิ่งใหญ่จำนวนมากที่มากับเอดจ์ คอมพิวติ้ง พร้อมให้ความรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลจะขับเคลื่อนภาพรวมเทคโนโลยีในปัจจุบันสำหรับระบบโครงสร้างเอดจ์ คอมพิวติ้ง และดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างไร
เอดจ์ คอมพิวติ้ง มอบความยืดหยุ่นให้ธุรกิจ
การนำเทคโนโลยีและวิธีการดำเนินงานที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น คลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) มาใช้ ต้องอาศัยทั้งความรู้ด้านเทคนิคและความชำนาญแบบใหม่ ซึ่งระบบไอทีแบบดั้งเดิมกำลังเปลี่ยนโฉม และเริ่มกระจายศูนย์มากขึ้น จึงต้องอาศัยแนวทางดิจิทัลมาช่วยในระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีรวมถึงการดำเนินงาน ทั้งนี้ เอดจ์ คอมพิวติ้งให้ความสามารถในการลดความล่าช้าและเพิ่มความพร้อมในการใช้งาน ให้แนวทางที่รองรับอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 3 อุตสาหกรรมหลักที่มุ่งหน้าสู่การปฏิรูปดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนคอมเมอร์เชียล (ค้าปลีก เฮลธ์แคร์ การเงิน และการศึกษา) อุตสาหกรรม (น้ำมันและก๊าซ เหมือง ยานยนต์ และการผลิต) รวมถึงโทรคมนาคม (เสารับส่งสัญญาณ (cell towers) และสถานีฐาน (base stations)

การจะตระหนักถึงศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยมของเอดจ์ คอมพิวติ้ง ได้นั้น จะต้องตอบโจทย์ที่ท้าทายของอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดความยืดหยุ่น ขาดการมอนิเตอร์และการบริหารจัดการจากระยะไกล รวมถึงขาดความเป็นมาตรฐานและการผสานรวมในการทำงาน และสุดท้ายคือการมีไซต์งานขนาดใหญ่แต่มีพนักงานด้านไอทีอยู่จำกัดซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค คำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ จึงได้ออกแบบและพัฒนาโซลูชันเพื่อมอบความยืดหยุ่นและให้การออกแบบที่เรียบง่าย ทั้งการนำมาปรับใช้งานและบริหารจัดการครอบคลุมการใช้งานเอดจ์ทั้งหมด และยังมาพร้อมระบบที่ผสานรวมการทำงาน สถาปัตยกรรมคลาวด์ และระบบนิเวศด้านคู่ค้า

Murdoch University เป็นหนึ่งในลูกค้าแถวหน้าที่รั้งตำแหน่งผู้นำในฐานะที่เป็นแรงผลักดันความสร้างสรรค์ในสายงานด้านการศึกษาจากการเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมไอทีที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ โดยออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างสมจริงสำหรับนักศึกษา  และการนำ EcoStruxure IT ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคมาใช้ ทำให้ปัจจุบันมหาวิทยาลัย Murdoch เป็นสถาบันการเรียนรู้ขั้นสูงแห่งแรกในออสเตรเลียตอนใต้ ที่เปิดให้นักศึกษาและอาจารย์ได้เรียนรู้ ทำวิจัยและให้ความยืดหยุ่นสูงสุดด้วยพื้นที่การเรียนรู้ในระบบดิจิทัลได้ตลอดเวลาในแบบ 24/7

การออกงานวิจัยครั้งใหม่ ช่วยให้อุตสาหกรรมไอทีจัดการกับความท้าทายของเอดจ์ คอมพิวติ้งได้ดี

ในช่วงระหว่างงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เปิดเผยคู่มือในระบบออนไลน์ 2 ส่วนด้วยกัน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไอทีในการตอบโจทย์ความท้าทายและโอกาสที่มากับเอดจ์คอมพิวติ้ง สำหรับบรรดามืออาชีพด้านไอทีและดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงผู้ให้บริการด้านการจัดการ (MSPs) และตัวแทนจำหน่ายแบบ VARs โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

  • คู่มือในระบบออนไลน์ “How to Capitalize on the Edge Computing Opportunity” นี้พัฒนาขึ้นโดยอาศัยความร่วมมือกับ Canalys องค์กรด้านการวิจัย โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้ MSPs และ VARs ระบุแหล่งที่มาของรายได้ใหม่ โดยช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ด้านเอดจ์คอมพิวติ้งให้กับลูกค้า
  • Buyer’s Guide to Edge Infrastructure Management”  ชี้ให้เห็นถึงคำถามที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการถาม และขั้นตอนหลักที่มืออาชีพด้านไอทีและดาต้าเซ็นเตอร์ ต้องดำเนินการก่อนที่จะเลือกและนำโซลูชันระบบบริหารจัดการโครงสร้างเอดจ์มาปรับใช้

คู่มือในระบบออนไลน์หรือ e-guide นี้นำเสนองานวิจัยจาก Canalys ซึ่งเป็นคำแนะนำจากผู้นำด้านไอที และเป็นการรวบรวมมุมมองเชิงลึกในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างโซลูชันไอทีและดาต้าเซ็นเตอร์เป็นเวลาหลายปี ภายใต้แบรนด์ APC by Schneider Electric โดยพร้อมให้ศึกษาหาอ่านได้ที่ APC.com และ SE.com

Hashtags:  #LifeIsOn #EcoStruxure #EdgeComputing #CertaintyInAConnectedWorld

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.