CASIO G-SHOCK เปิดตัว New MRG 2019 นาฬิกาสุดหรูในตำนาน จากฝีมือช่างตีดาบตระกูลเก่าแก่ของญี่ปุ่น และ รุ่น Vintage Full Metal ที่เหล่าคนรักนาฬิกาทุกคนตั้งตาคอย

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

กรุงเทพฯ ประเทศไทย: วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2562 – บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ผู้นำเข้านาฬิกา CASIO G-SHOCK อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดใหญ่ในงาน ‘เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019’ เซ็นทรัล ชิดลม มหกรรมเรือนเวลาแห่งภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 21 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16 กันยายน 2562 ด้วยนาฬิกาไฮไลท์ 4 รุ่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง MRG-G2000GA-1A, Mud Master GG-B100-1A, Full Metal Aged IP GMW-B5000V และ Edifice Slim EQB-1000 พร้อมเผยโฉมอย่างเป็นทางการให้ทุกท่านได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

สำหรับงานในปีนี้ G-SHOCK จัดเต็มด้วยการจำลองกลิ่นอายของโรงตีดาบ “กัซซัน” (GASSAN) ต้นตำหรับจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้สัมผัสถึงกลิ่นอายและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิกาไฮไลท์อย่าง MRG-G2000GA-1A จากตระกูลกันกระแทกอันโด่งดัง MR-G (Majesty Reality G-SHOCK) โดยนาฬิการุ่นนี้ป็นรุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกับกัซซัน ตระกูลช่างตีดาบจักรพรรดิ์เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ที่สืบสานตำนานและฝีมือจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 800 ปี และได้มีการผลิตให้สะสมเพียง 300 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเพื่อความแข็งแกร่ง และยังมาพร้อมกับผิวสัมผัสที่สวยงามหรูหรา ผ่านทักษะของช่างฝีมือที่สร้างสรรค์คุณลักษณะของดาบอันประณีต

นาฬิกา G-SHOCK MR-G Series รุ่น MRG-G2000GA-1A มาพร้อมกับกรอบ COBARION® ที่มีลวดลายของ Kissaki (ปลายดาบ) ตัวเรือนไทเทเนียมผ่านกระบวนการรีคริสตัลไลซ์ ซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนลายคลื่นบนตัวดาบ และ เทคนิคการลงสีแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ผสมผสานกับเทคนิคการเคลือบ AIP® (Arc Ion Plating) สีม่วงเข้มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีอาภรของชนชั้นสูงของญี่ปุ่นและขึ้นรูปโดดเด่นด้วยตัวเรือนและกรอบแบบ COBARION® ที่ตัดกันอย่างลงตัวกับสายไทเทเนียมอันมีลักษณะเฉพาะตัวของ Nakago (ด้ามดาบ) ช่วงกลางของสายมีลาย Yasurime ที่รังสรรค์ด้วยมือของช่างตีดาบ Sadanobu Gassan ในทุกๆ เรือน จึงได้มาซึ่งสายนาฬิกาที่คงไว้ทั้งพลังและความงดงามของดาบตีมือญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่หลอมรวมอยู่ในงานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่นและเทคโนโลยีชั้นสูง

ในแง่ของคุณสมบัติ MRG-G2000GA-1A มาพร้อมเทคโนโลยีระบบปรับเวลาที่สามารถรับข้อมูลได้ผ่าน Bluetooth®, สัญญาณ GPS และสัญญาณเวลา พร้อมทั้งคุณสมบัติและฟังก์ชั่นอันทรงพลังอื่นๆ อีกทั้งยังมีระบบ GPS Hybrid ที่ควบคุมด้วยคลื่นวิทยุและขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ผสมผสานกับระบบการชาร์จไฟเอกลักษณ์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ของ CASIO เอง จึงทำให้ผู้ใช้สามารถหาตำแหน่งด้วยการใช้ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) และการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานทั่วโลกได้อย่างแม่นยำ

Full Metal Aged IP GMW-B5000V

งานนี้ผู้เข้าชมยังจะได้พบกับ Rare Item จากซีรีย์ยอดฮิต Full Metal ที่ทุกคนตั้งตารออย่าง Full Metal Aged IP GMW-B5000V รุ่นลิมิทเต็ดที่ส่งตรงจากงานนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง บาเซิลเวิลด์ 2019 (Baselworld 2019) มาพร้อมกับเอกลักษณ์หน้าปัดทรงเหลี่ยม และเทคนิคการทำพื้นผิวแบบวินเทจ ด้วย Black Aged IP ที่โดดเด่น ให้คุณปลดปล่อยความ Real & Raw แบบไม่เหมือนใครในแบบของคุณ รวมไปถึงฝาหลังแบบขันสกรูพร้อมพื้นผิวเคลือบคาร์บอนคล้ายเพชร (DLC) เพื่อให้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่ยอดเยี่ยม เป็นลักซ์ชัวรี่ไอเทม ที่เท่ห์แบบไร้กาลเวลา

นอกจากดีไซน์สุดวินเทจที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีสุดทันสมัย ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อตั้งค่าเวลารอบโลกสำหรับ 300 เมืองและการตั้งค่าระบบที่ง่ายดาย การแจ้งเตือนเวลาและสถานที่ ตัวค้นหาโทรศัพท์ รวมถึง MULTIBAND 6 เพื่อปรับการตั้งค่าเวลาอัตโนมัติโดยอิงจากการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานจากหนึ่งในหกสถานีที่กระจายอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ Full Metal Aged IP GMW-B5000V ยังใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ พร้อมกับไฟ LED อัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ให้ความสว่างสูง เพื่อให้อ่านข้อมูลได้ชัดเจนทุกมุมมอง

Mud Master GG-B100-1A

รุ่นไฮไลท์อีกรุ่นที่พลาดไม่ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิของ G-SHOCK ได้แก่ MUD MASTER CARBON CORE GUARD GG-B100-1A ที่สุดแห่งนาฬิกาอัจฉริยะสำหรับกิจกรรมเอ้าท์ดอร์และสายลุย ได้รับการออกแบบและปรับแต่งให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ทรหด โครงสร้างปกป้องตัวเรือนรูปแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ทรหดต่างๆรวมถึงการกระแทกอื่นๆ อีกด้วย

MUD MASTER CARBON CORE GUARD GG-B100-1A มีฝาหลังแบบคู่พร้อมสลักลายถังน้ำมันสัญลักษณ์ของสายลุย และกรอบหน้าปัดด้านหน้าผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเคลือบไฟเบอร์ใยแก้วในชั้นบนสุดทำให้สามารถทำให้มองเห็นวัสดุคาร์บอนบนกรอบหน้าปัดอย่างชัดเจน รุ่นนี้มาพร้อมเซนเซอร์สี่ตัวที่ทำงานโดยใช้เซนเซอร์ขนาดกะทัดรัดที่บรรจุเข็มทิศ มาตรวัดบอกความสูง บารอมิเตอร์ และอุณหภูมิได้ นอกจากนี้ยังมีตัววัดอัตราเร่งที่นับจำนวนก้าวของผู้ใช้ไว้ในรูปลักษณ์ของนาฬิกาที่กะทัดรัดได้เป็นอย่างดี

มากไปกว่านั้น MUD MASTER GG-B100-1A CARBON CORE GUARD ยังมีคุณสมบัติอีกมากมายเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ผู้ใช้สามารถเชื่อมนาฬิกาเข้ากับแอป G-SHOCK สุดพิเศษเพื่อการตั้งค่านาฬิกาที่ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีฟังก์ชันภารกิจใหม่ โดยที่แอปจะบันทึกข้อมูลความสูงที่วัดได้จากนาฬิกาโดยอัตโนมัติ แล้วส่งข้อมูลที่ได้รับมาจาก GPSของสมาร์ทโฟน จุดความสูงที่ได้รับมาจากขั้นตอนนี้จะสามารถนำไปทำแผนที่เส้นทางได้ รวมไปถึงการใช้มาตรวัดความสูงและการนับจำนวนก้าวในการคำนวณแคลอรี่ที่ผู้ใช้บริโภคอีกด้วย

EDIFICE EQB-1000

นาฬิกาไฮไลท์รุ่นสุดท้ายที่ดีไซน์มาแบบบางเฉียบตอบโจทย์ Dress Watch สไตล์ Minimal ได้แก่ EQB-1000 Super Slim จากแบรนด์ EDIFICE   รุ่นนี้บางเพียง 8.9 มิลลิเมตรสมชื่อซีรี่ย์แต่อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟ แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ และการเชื่อมต่อBluetooth® ผ่านแอพพลิเคชั่น EDIFICE Connected ทำให้ EQB-1000Super Slim เป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชันที่หลากหลายแต่เรียบง่ายไร้กาลเวลา

ในแง่ของคุณสมบัติ EQB-1000 Super Slim สามารถแสดงเวลาได้ 2 ระบบ โดยสลับกันระหว่างเวลาของเมืองที่อาศัยอยู่กับเวลาของประเทศอื่นๆที่ผู้ใส่สนใจ อีกทั้งยังมีนาฬิกาปลุกที่สั่งการทำงานได้ทุกวันและกันน้ำลึกถึง100เมตร นอกจากนั้นเมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อนาฬิกา EQB-1000 Super Slim เข้ากับแอพพลิเคชัน EDIFICE Connected ก็จะสามารถดึงข้อมูลการจับเวลา การตั้งเวลาอัตโนมัติ ตัวค้นหาโทรศัพท์ และการตั้งค่าเวลารอบโลกสำหรับ 300 เมือง เพื่อเวลาที่เที่ยงตรงและความสะดวกสบายในการใช้งาน รุ่นนี้โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวฟ้า และ กระจก Sapphire crystal ป้องกันแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วย สำหรับ EQB-1000 จะทำการเปิดตัวครั้งแรกภายในงาน The World Premier Watch & Jewellery Expo ในวันที่ 23 กันยายน ถึง 7 ตุลาคม 2562 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด

พิเศษสุด สำหรับงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019 พบกับส่วนลดสูงสุดถึง 50% ณ บูท CASIO G-SHOCK ชั้น 3 เซ็นทรัล ชิดลม เท่านั้น นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อนาฬิกา G-SHOCK รุ่น MRG-G2000GA-1ADR รับทันที เครื่องดูดฝุ่นไซโคลนแบบไร้สาย จาก DYSON รุ่น SV12 (V10) Absolute Bigbin มูลค่า 27,900 บาท จำนวน 1 เครื่อง โดยจำกัดเพียง 5 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ G-SHOCK รุ่น MRG-G2000GA-1A, Mud Master GG-B100-1A, Full Metal Aged IP GMW-B5000Vและ Edifice Slim EQB-1000รวมถึงนาฬิกา G-SHOCK รุ่นอื่นๆ สามารถเข้าชมได้ที่งาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019 ณ เซ็นทรัลชิดลม ชั้น 3 บูธ CASIO G-SHOCK ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16กันยายน 2562 หรือผ่านทางเว็บไต์ www.casio-cmg.com และ Facebook: Casio Watches Thailand

#CENTRALInternationalWatchFair2019 #CentralWatchFair #CasioCMG #CASIOFamilyTH

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.