10 นักเตะ เยาวชนไทย เผยช่วงเวลาฟาดแข้งที่ อลิอันซ์ อารีน่า ที่สุดแห่งประสบการณ์ ประเมินค่าไม่ได้

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาเฟ้นหา 10 ตัวแทนเยาวชนไทยฝีเท้าเด่นอย่างเข้มข้น เพื่อบินลัดฟ้าไปร่วมแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019  ณ อลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ได้สร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่เกิดขึ้นในสังคม เพราะนอกจากโอกาสที่เยาวชนเหล่านี้จะได้เดินตามฝัน ทำให้เด็กไทยก้าวสู่วิถีนักเตะอาชีพได้อย่างภาคภูมิแล้ว พวกเขายังได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายที่จะกลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า พร้อมถ่ายทอดต่อยอดพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่งได้จริง

            ก่อนที่เยาวชนทั้งสิบคน ได้แก่  1)ลีซอ – เดชานนท์ ศรีเมือง ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นกัปตันทีมเฉพาะกิจในครั้งนี้ และ 2)เกมส์ – ปฏิภาณ เตี้ยงสูงเนิน 3) โอ๊ต – เผด็จ  แก้วมณี   4)ฟิว – เกริกพล อาบรัมย์ 5) เกมส์ – นรากรณ์ แก่งกระโทก 6)คีม – นิติพันธ์ สุกใส  7)คิว –  พิทยา  ใจยาว 8)กอล์ฟ – ธนกฤต ทองศรี 9)มิกซ์ – ศุภวิชญ์ มาน้อย และ 10)กอล์ฟ – ฌัฐกิตติ์ แสงคำ กับตำแหน่งผู้รักษาประตูพันธุ์อึด จะมีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งสำคัญของชีวิต พวกเขาต้องคว้าโอกาสนั้นมาอย่างยากเย็น ต้องฝ่าด่านหินจาก มร.เคราซ์ เอาเกนธาเลอร์ ตำนานบาเยิร์นและแชมป์บุนเดสลีก้า 7 สมัย ซึ่งร่วมเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก และต้องฟาดฟันกับเยาวชนกว่า 3,500 คนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019

โดยโครงการฯ นี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีก้า บริษัท สปอร์ตไทย-บาวาเรีย จำกัด กลุ่มวังขนาย และ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดยจะคัดเลือกนักเตะเยาวชนไทยที่มีฝีเท้าโดดเด่นที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนทีมประเทศไทย เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในสนามระดับโลกอย่าง อลิอันซ์ อารีน่า สนามของยอดทีม FC Bayern Munich นอกจากจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดประทับใจที่ได้พบปะตำนานผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิค  อย่าง “มานูเอล นอยเออร์” สุดยอดผู้รักษาประตูของทีม FC Bayern Munich และทีมชาติเยอรมนี อีกทั้งยังได้ร่วมเข้าชมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งทีมFC Bayern Munich เอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 1 ป้องกันแชมป์และคว้าแชมป์ครั้งสมัยที่ 29 ไปครองได้สำเร็จแล้ว ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของสิบตัวแทนประเทศไทย คือเป้าหมายหลักที่จะป้องกันแชมป์ และคว้าแชมป์สมัยที่ 3 กลับมาฝากคนไทยให้จงได้นั่นเอง

            เมื่อพวกเขาเดินทางถึงเยอรมนี ก็ต้องออกเดินทางต่อไปเก็บตัวยังเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่า “เบนไชม์” ซึ่งห่างจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตไม่มากนัก ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพื่อฝึกซ้อมมากถึง 5 วัน ทั้งเพื่อให้สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศ อาหาร และชีวิตความเป็นอยู่ได้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนทักษะทางกีฬา ทั้งการหนีตัวประกอบ พร้อมวิธีการขึ้นเกมอย่างมีประสิทธิภาพ ใส่รายละเอียดด้านแทคติก เข้มข้นและจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เยาวชนทั้งสิบก็ทุ่มเท เต็มที่ในทุกการซ้อมเช่นกัน เพื่อให้ #TeamThai เป็นทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งระยะเวลาซ้อมเพียงไม่กี่วันนั้นคุ้มค่าสำหรับชีวิตนักกีฬาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้วิชา ได้เรียนรู้สิ่งใหม่นอกสนาม ออกไปเปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายที่เมือง           “ไฮเดลเบิร์ก” เมืองเก่าแก่ที่มีอายุนับพันปีของเยอรมนี ได้มีโอกาสฟิตซ้อมเพื่ออุ่นเครื่องลงแข่งขันจริงกับทีม FC Astoria Walldorf ทีมท้องถิ่นของเมืองนี้แล้ว ยังฝึกให้เกิดความรับผิดชอบ ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เข้าใจสิ่งที่กำลังทำ และรู้หน้าที่ของตนเองในสนามเป็นอย่างดี  มีความเป็นทีมเวิร์ค และจิตใจอันแข็งแกร่งอีกด้วย

ด้วยใจที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลงสนามจริงที่อลิอันซ์ อารีน่า ณ เมืองมิวนิค เพื่อจะคว้าชัยชนะมาให้ได้ ตัวแทนประเทศไทยทั้งสิบคนจึงไม่ปฏิเสธที่จะทดสอบความสามารถตัวเอง โชว์ทักษะต่างๆ อย่างกล้าหาญ ทั้งโชว์ความสามารถเลี้ยงบอลด้วยศีรษะ เดาะและโหม่งบอลใจกลางเมือง ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยกับตัวแทนชาติต่างๆ หรือแม้กระทั่งการประลองฝีมือเมื่อมีโอกาส เช่น การลงสนามในเกมอุ่นเครื่องกับคู่แข่งจากอีกสาย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการแข่งขัน และศึกษาคู่แข่งไปในตัว สร้างภูมิต้านทานไม่ประมาทคู่ต่อสู้ นอกจากนั้นยังใช้เวลาไปกับการวิเคราะห์จุดเด่นและแผนการเล่นที่คู่แข่งน่าจะใช้ในวันชิงแชมป์ เพื่อวางแผนรับมือ และถึงแม้คู่แข่งร่วมสาย อย่างทีมอินเดียจะเป็นทีมที่มีเกมรุกอันโดดเด่น ทีมจีนเป็นทีมที่มีทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม และทีม FC Bayern Kids Club จากเยอรมนี ถือเป็นเจ้าถิ่นที่มีสรีระที่สูงใหญ่ แต่นักเตะจากโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019  ก็พร้อมสู้ไม่ถอยและไม่รู้สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด

และแล้วเวลาที่ทั้งสิบคนรอคอยก็มาถึง เมื่อพวกเขาต้องเข้าแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 ซึ่งในปีนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 7ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สิงค์โปร์ จีน อินเดีย ไนจีเรีย สหรัฐอเมริกาและไทย ซึ่งแม้ว่าผลการแข่งขันสิ้นสุด ทีมไทยจะคว้าเพียงที่สี่ของทัวนาเมนต์มาครอง แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประสบการณ์ที่ได้แข่งขันอย่างเต็มที่ในสนามอลิอันซ์ อารีน่า แห่งนี้ ได้สานฝันที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบรรยาย และสร้างความทรงจำที่มีค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ พร้อมเผยความสำเร็จจากโครงการนี้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้ฝึกซ้อมแทคติกอย่างเข้มข้นทั้งในและนอกสนามตลอดเวลา ทำให้พวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นมากมายจากการมาเยือนสนามจริงที่เยอรมนีอย่างมหาศาล พร้อมกลับไปต่อยอดที่เมืองไทย เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟุตบอลไทยในอนาคตอย่างแน่นอน

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.