เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย…ช่วงนี้เดี๋ยวแดดออกจ้าจนร้อนระอุ สักพักฟ้าครึ้มฝนตกกระหน่ำ แน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสภาพอากาศของประเทศไทย ที่มีทั้งแสงแดดอันประกอบไปด้วยรังสี UV และเชื้อโรคที่มากับสายฝน ซึ่งภัยร้ายใกล้ตัวดังกล่าวนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรปล่อยปะละเลยคือการดูแลสุขภาพร่างกายโดยเฉพะดวงตาคู่เดียวของคุณ เราจึงได้เชิญ นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่ง “แว่นท็อปเจริญ” มาให้คำแนะนำถึงเคล็ดลับการปกป้องดวงตาจากแสงแดดและสายฝนกัน
นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่ง “แว่นท็อปเจริญ” กล่าวว่า “ในปัจจุบันคนไทยยังให้ความสำคัญของการดูแลสายตาจากรังสี UV น้อยมาก เห็นได้ว่า หลายคนยังละเลยการสวมใส่แว่นกันแดด เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง และเป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงฤดูร้อนนี้เมืองไทยเราตรวจพบค่ารังสี UV สูงขึ้นในระดับที่รุนแรง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย ยิ่งดวงอาทิตย์เข้าใกล้โลกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งกระทบต่อดวงตาโดยตรงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยอาจส่งผลให้ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ โดยไม่สวมแว่นกันแดด เกิดอาการกระจกตาอักเสบ มีอาการแสบตา น้ำตาไหล เคืองตา ตาแดง หรือมองภาพเบลอได้ ส่วนระยะยาวอาจเกิดเป็นต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก และในอนาคตจอตาอาจเสื่อมจนอาจถึงขั้นการสูญเสียการมองเห็น ดังนั้น นอกจากการสวมแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB รวมถึงสวมหมวก หรือกางร่มทุกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด หากรู้สึกแสบตา ไม่สบายตา ให้หยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา และถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาตั้งแต่เวลา 11.00 น. ไปจนถึง 15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่แสงแดดรุนแรงที่สุด ที่สำคัญ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงและปกป้องสายตา เช่น อาหารที่มีสารลูทีน เบต้าแคโรทีน และวิตามิน A C D E เสริมด้วย”
นายแพทย์นพวุฒิ เผยอีกว่า สำหรับในช่วงที่ฝนตก อากาศจะมีความชื้นสูงจึงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของ เชื้อโรค โรคตาที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝนคือ โรคตาแดงจากเยื่อบุตาอักเสบ จะมีอาการเคือง ปวดตา ตาแดงมาก และมีขี้ตาข้นเขียว ดังนั้นควรต้องระวังเรื่องความสะอาดจากการสัมผัสเข้าตาโดยไม่ได้ตั้งใจ สามารถป้องกันได้โดยหมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่นำมือที่ไม่สะอาดมาจับหรือขยี้ตา ในกรณีที่น้ำหรือฝุ่นเข้าตา ห้ามขยี้ตาหรือเช็ดตาแรงๆ เพราะอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่ผิวตา ทำให้เชื้อโรคเข้าตาง่ายขึ้น วิธีที่ถูกต้องคือใช้ผ้าสะอาดซับเบาๆ หรือหาน้ำเกลือที่สะอาดล้างตาหรือหยอดน้ำตาเทียม ถ้ารู้สึกระคายเคืองหรือตาแดงมากควรไปพบจักษุแพทย์ตรวจร่วมกับหยอดยาฆ่าเชื้อป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อที่ดวงตา
นอกจากนี้ ยังมีโรคที่มากับหน้าฝนที่เกิดจากการเดินย่ำน้ำท่วมขังสกปรก อย่างโรคฉี่หนู (Leptospirosis) โดยเชื้อนี้จะเข้าสู่เท้าโดยเฉพาะบริเวณที่มีบาดแผล มีระยะฟักตัว 1-3 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดน่องขา และอาจพบอาการตาแดงรุนแรง ซึ่งป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการเดินย่ำน้ำขัง หากเลี่ยงไม่ได้ ควรใส่รองเท้าบูทกันน้ำ หากพบการติดเชื้อโรคฉี่หนู ควรไปพบอายุรแพทย์เพื่อได้รับยาปฏิชีวนะและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์โดยทันที และทางที่ดีควรเข้าตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีและการมองเห็นที่ชัดเจนอีกด้วย
เพราะสายตาที่ดี คือส่วนสำคัญของการดำเนินชีวิต” เราจึงปรารถนาให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพดวงตาที่ดีเช่นกัน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial เว็บไซต์ www.topcharoen.co.th หรือไลน์ @top_charoen หรือโทร. 02–612–4170