การกลับมาอีกครั้งของ BLACK BADGE : ROLLS-ROYCE เผยโฉม BLACK BADGE GHOST ใหม่

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

New Ghost เปิดตัวครั้งแรกในปีพ.ศ. 2563 นับได้ว่าเป็นยนตรกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดของโรลส์-รอยซ์ ณ ปัจจุบัน วันนี้ Rolls-Royce เผยโฉม Black Badge Ghost ใหม่ที่เป็นนิยามความขบถของปรัชญาการออกแบบ Post Opulent เป็นครั้งแรก  Black Badge Ghost เข้าร่วมตระกูลยนตรกรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ เมื่อ Rolls-Royce เปิดตัว Black Badge ด้วยยนตรกรรม Wraith และ Ghost ในปีพ.ศ. 2559 ตามด้วย Dawn ในปีพ.ศ. 2560 และ Cullinan ในปีพ.ศ. 2562  ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

ด้วยระบบขับเคลื่อนและแชสซีที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อการตอบสนองได้รวดเร็วทันทียิ่งขึ้น  พร้อมการเผยโฉมครั้งแรกของคอลเล็กชั่นผลงานสร้างสรรค์อย่างหนังสีฟ้า Turchese ที่สะดุดตา และแผงเทคนิคัลคาร์บอนพร้อมออปชั่นอื่นมากมาย

Black Badge Ghost ตกแต่งภายในด้วย Illuminated Fascia (แดชบอร์ดเรืองแสง) ซึ่งเป็นนวัตกรรมบีสโป๊กระดับโลกแสดงสัญลักษณ์อินฟินิตี้ที่เปล่งประกายเรืองแสงรายล้อมด้วยหมู่ดาวกว่า 850 ดวง ลายสัญลักษณ์อินฟินิตี้จะเรืองแสงผ่านหลอดไฟ LED จำนวน 152 ดวงที่ถูกติดตั้งบริเวณส่วนบนและส่วนล่างของแผงหน้ารถ โดยหลอดไฟแต่ละดวงนั้นมาในสีสันที่เข้ากับแสงของนาฬิกาในห้องโดยสารและไฟที่หน้าปัดรถ  เพื่อให้มั่นใจว่าหลอดไฟที่แสดงสัญลักษณ์อินฟินิตี้จะติดสว่างสม่ำเสมอ จึงมีการติดตั้งท่อนำแสงหนา 2 มิลลิเมตรพร้อมการเจาะรูขนาดเล็กด้วยเลเซอร์กว่า 90,000 จุดทั่วพื้นผิวของบริเวณแผงหน้ารถ ซึ่งไม่เพียงแต่กระจายแสงได้อย่างสม่ำเสมอแต่ยังสร้างความวิบวับเมื่อสายตาเลื่อนพาดผ่านบริเวณส่วนแผงหน้ารถ สะท้อนประกายระยิบระยับอันละเอียดอ่อนของเพดานห้องโดยสารแบบ Shooting Star Starlight Headliner

ไฮไลท์สำคัญนำไปสู่บุคลิกอันทรงพลัง ได้แก่

  • Architecture of Luxury (สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา) สถาปัตยกรรมสเปซเฟรมอลูมิเนียมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของโรลส์-รอยซ์มอบความแข็งแกร่งของตัวถังเป็นพิเศษ
  • ระบบขับเคลื่อนและแชสซีได้รับการออกแบบใหม่:  Ghost ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ และระบบช่วงล่าง Planar Suspension แรกของโลก  สำหรับ Black Badge การออกแบบใหม่รวมถึงการติดตั้งสปริงลมขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดการโคลงของตัวถังเพื่อการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
  • ขุมพลังของเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ V12 ขนาด 6.75 ลิตร เทอร์โบคู่นั้นถูกปรับแต่งให้มีกำลังเพิ่มอีก  29 แรงม้า / 21 กิโลวัตต์ / 28.6 แรงม้า ให้กำลังรวมถึง 600 แรงม้า / 441 กิโลวัตต์ / 592 แรงม้า
  • เพิ่มพลังขับเคลื่อนด้วยแรงบิดอีก 50 นิวตันเมตร มอบแรงบิดรวมที่ 900 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง  1700 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที
  • ขณะขับเมื่อเกียร์อยู่ในโหมด Low  การเปลี่ยนเกียร์จะรวดเร็วขึ้น 50%  เมื่อเร่งความเร็วรอบสูงถึง 90%
  • ล้ออัลลอยบีสโป๊กในสไตล์ Black Badge เพิ่มความโดดเด่นด้วยท้องล้อที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์หนา 22 ชั้นบนแกนกลางสามแฉก และเมื่อพับขอบชนกันจะทำให้ได้คาร์บอนไฟเบอร์หนา 44 ชั้น
  • สีตัวถังภายนอกสีดำที่เข้มที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์รังสรรค์จากสีในปริมาณ 100 ปอนด์ (หรือ 45 กิโลกรัม)
  • การตกแต่งภายในด้วยวัสดุเทคนิคัลไฟเบอร์ที่ทันสมัยประกอบด้วยเส้นใยคาร์บอนและเส้นใยโลหะ  การจัดวางชั้นไม้หลายชั้นที่ใช้ไม้วีเนียร์โบลิวาร์สีดำด้วยมือ รังสรรค์การเห็นภาพในแบบ 3 มิติด้วยการลงแลคเกอร์หกชั้นบนพื้นผิว
อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.