หากวันหนึ่งลูกค้าประจำโทรมาบ่นว่าอยากกินข้าวแกงร้านของเรา ซึ่งเป็นร้านอาหารมื้อกลางวันในดวงใจของเขา แต่ตอนนี้ต้อง Work from Home เขาควรทำอย่างไร ลูกค้าถามว่า “โทรสั่งผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่อาหารได้ไหม” เสียงในหัวตอบไปว่า อยากจะมี แต่เมื่อรู้ว่าต้องเสียค่าคอมมิชชันเกือบจะเท่ากับกำไรที่ควรได้รับ ก็จำต้องพับโครงการไปก่อน ครั้นจะเรียก ‘พี่วิน’ แถวนี้ไปส่ง อาจปฏิเสธกลับมาว่าวิ่งรถในซอยคุ้มกว่า เพราะบ้านลูกค้าของเราอยู่ไกลเกินไป จากนั้นก็ตัดภาพมาที่ตัวเรานั่งเหงาๆ อยู่หลังแผงถาดข้าวแกงนานาชนิด รอลูกค้าวอร์กอินเข้ามาเท่านั้น เหตุการณ์นี้ไม่เพียงดับฝันลูกค้าที่ต้องการข้าวแกงแสนอร่อยของเรา แต่เหมือนกับการปล่อยให้ธุรกิจของตัวเองจมดิ่งลงเหวไปด้วยมากกว่า
ปัจจุบันร้านอาหารต้องเผชิญกับผลกระทบอันหนักหน่วงจากสถานการณ์แพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายและรายรับลดลงอย่างน่าใจหาย ดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากข้อกำหนดของภาครัฐในการงดบริการนั่งรับประทานในร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งหน้าร้านขายอาหารที่เคยมีลูกค้าต่อคิวหนาแน่น ก็พบว่าพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป ไม่เดินมาเลือกซื้อเหมือนก่อน เพราะมาตรการ Social Distancing นั่นเอง ดังนั้นร้านอาหารที่ไม่มีบริการเดลิเวอรี่ จึงอาจเจ็บตัวมากกว่าผู้ที่ปรับตัวเร็ว เตรียมบริการส่งอาหารนอกสถานที่ไว้แล้ว
สกู๊ตตาร์ (SKOOTAR) ผู้ให้บริการเรียกแมสเซ็นเจอร์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ตระหนักถึงปัญหานี้และเล็งเห็นว่าต้องเร่งสนอง ‘นี้ด’ (Need) ของผู้บริโภคพร้อมกับ ‘ชุบชีวิต’ พ่อค้าแม่ขายให้ฟื้นขึ้นมาในช่วงวิกฤติโควิด-19 แบบนี้ให้ได้ จึงผุดไอเดียแพ็คเกจสำหรับลูกค้าธุรกิจกลุ่มร้านอาหารโดยเฉพาะ เพื่อทำให้ร้านอาหารสามารถส่งอาหารถึงมือลูกค้าได้ดั่งใจ และเป็นอีกช่องทางเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้ดีอีกด้วย
จุดเด่นของแพ็คเกจ “SKOOTAR เพื่อนแท้ร้านอาหาร” จะรับผิดชอบในการส่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ร้านค้าไม่สามารถใส่เมนูอาหารลงในแอปพลิเคชันของ SKOOTAR ได้ และเมื่อร้านค้าต้องรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าโดยตรง สกู๊ตตาร์ จึงไม่มีนโยบายเก็บค่าคอมมิชชันจากการสั่งอาหารของลูกค้า แต่จะคิดเพียงค่าบริการจากการขนส่งเท่านั้น โดยเริ่มต้นที่ราคา 45 บาท ระยะทางระหว่างร้านค้าห่างจากลูกค้าเท่าไรก็จ่ายเท่านั้น อีกทั้งยังมีระบบสำรองจ่าย ส่งมอบเงินค่าอาหารให้กับร้านค้าตามจริงก่อนนำอาหารไปส่งให้ลูกค้า ยกเว้นกรณีลูกค้าปฏิเสธการรับอาหาร ทางร้านจะต้องคืนเงินค่าอาหารเมื่อแมสเซ็นเจอร์ของสกู๊ตตาร์นำอาหารไปคืนที่ร้าน และที่น่าสนใจไปกว่านั้น SKOOTAR ยังมีบริการวางบิลสิ้นเดือน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับร้านค้าได้อย่างมาก
นอกจากการดำเนินธุรกิจแบบ “แฟร์ ๆ” แล้ว SKOOTAR ยังนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษมากมาย เมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเจ้าของร้านค้าสนใจสมัครใช้งานใหม่ จะได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดมากถึง 750 บาท ซึ่งคิดเป็นส่วนลด 15 บาทต่อการใช้บริการ 50 ครั้ง โดยจำกัดสิทธิ์ 1 ร้าน ต่อ 1 สิทธิ์ ขณะเดียวกันหากใช้บริการส่งอาหารครบ 20 งาน ทางสกู๊ตตาร์ ก็จะช่วยโปรโมทร้านของร้านค้าผ่านเครื่องมือและช่องทางของบริษัทฯ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ขณะนี้รูปแบบการให้บริการ “SKOOTAR เพื่อนแท้ร้านอาหาร” เริ่มเปิดรับสมัครร้านอาหารที่สนใจแล้ว และจะหมดเขตรับสมัครถึง 31 พฤษภาคมนี้ โดยปัจจุบันมีร้านอาหารมากมายที่กำลังให้บริการครอบคลุมหลายจุดในกรุงเทพฯ แล้ว ได้แก่ ร้านที่อยู่ในเขตพื้นที่ดินแดง ห้วยขวาง ลาดพร้าว วังทองหลาง พญาไท ปทุมวัน สาธร บางรัก ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย
นักธุรกิจหัวใจแกร่งควรเร่งเปลี่ยน “วิกฤติ” โควิด-19 นี้ให้เป็น “โอกาส” เมื่อธุรกิจอาหารต้องพึ่งพาธุรกิจเดลิเวอรี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรมองหาเครื่องมือหรือผู้ช่วยฝีมือดีอย่าง SKOOTAR ที่พร้อมจะนำพาอาหารแสนอร่อยของเราไปให้ลูกค้าได้ลิ้มรส ส่งผลสะท้อนกลับเป็นยอดขาย ร้านค้ามีกำไร ธุรกิจก็ยังอยู่รอดได้นั่นเอง ร้านอาหารที่สนใจใช้บริการ SKOOTAR สามารถรับราคาพิเศษได้ที่นี่ https://bit.ly/2UTWpYa