สโตร์ฮับ (StoreHub) ระบบจัดการหน้าร้านของร้านค้า สร้างสรรค์โดยเทคสตาร์ทอัพระดับ Series A+ จากมาเลเซีย ขยายสู่ฟิลิปปินส์ จีน (เซี่ยงไฮ้) และไทย มาพร้อมประสบการณ์กว่า 7 ปี และอยู่เบื้องหลังการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 13,000 ร้านค้า สร้างการเติบโตในธุรกิจมากถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดดเด่นที่คุณสมบัติการทำงานยอดเยี่ยมครบวงจร ทั้งระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ ระบบการจัดการสต๊อกสินค้า และระบบการจัดการข้อมูลเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างตรงจุดตรงใจ รวมทั้งออกแบบฟังก์ชันในการใช้งานที่หลากหลายเหมาะกับร้านค้าทุกประเภท ติดตั้งเร็ว ใช้งานง่าย มีให้เลือกหลายแพ็กเกจตามต้องการ ตอบโจทย์การค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างดี
“ไว ฮง ฟง” ผู้ก่อตั้งสโตร์ฮับ (StoreHub)เปิดเผยว่า สโตร์ฮับ (StoreHub) มีอาวุธสำคัญที่จะมาช่วยให้ผู้ประกอบการยุคดิจิทัลสามารถทำการค้าขายยุคใหม่ได้อย่างไร้รอยต่อด้วย O2O Model (Online to Offline) โดยผสมผสานธุรกิจออนไลน์ไปยังออฟไลน์ และประยุกต์คุณภาพการซื้อขายออฟไลน์มายกระดับออนไลน์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่ดีที่สุด ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ร้านค้าและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านระบบจัดการร้าน (POS) ที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมอุปกรณ์ที่วางใจได้อย่างครบเครื่อง ครบครัน
สำหรับฟีเจอร์เด่นของ StoreHub นั้นเหมาะสำหรับร้านค้าทุกประเภท ด้วยระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud-based POS) ช่วยให้ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจบริหารจัดการร้านได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถทำงานและเช็คความเคลื่อนไหวในร้านได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งจะรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์ และระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของสินค้าขายดี วิเคราะห์สินค้ายอดขายต่ำให้เลือกจัดการเพื่อให้เงินหมุนเวียนได้ดีขึ้น โดยจะมีการประมวลผลทันทีหลังการขาย อีกทั้งยังช่วยจัดการคลังสินค้า นับและตัดสต๊อกอย่างแม่นยำ โดยระบบตัดสต๊อกทันทีที่มีการขาย พร้อมแจ้งเตือนอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อสินค้าเหลือน้อยหรือใกล้หมดสต๊อก แถมยังดูจำนวนสต๊อกระหว่างสาขา และสามารถเลือกและถ่ายโอนสินค้าระหว่างสาขาได้ง่าย ช่วยให้ไม่พลาดทุกการขาย
นอกจากนั้น StoreHub ยังช่วยตอบโจทย์การบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า พร้อมสร้างฐานข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบันทึกประวัติการซื้อขาย วิเคราะห์และบันทึกพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทำให้ผู้ประกอบการรู้จักลูกค้าของตนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเนรมิตเครื่องมือให้ร้านค้าสามารถประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ประกาศโปรโมชั่นผ่าน SMS รวมถึงมอบสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้อย่างตรงใจ ทั้งนี้ยังเป็นเครื่องมือช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อกับ Facebook Dynamic Ads และ Facebook Live Chat ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมฟังก์ชันในการใช้งานหลากหลาย อาทิ ปรับแต่งใบเสร็จ สร้างใบกับภาษีอย่างย่อ ปรับแต่งข้อความและโลโก้ได้เอง
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น StoreHub ยังเป็นระบบบริหารจัดการพนักงาน ให้พนักงานร้าน Clock-in Clock-out ได้ง่าย ทั้งยังป้องกันการทุจริตของพนักงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังเช็คผลการปฏิบัติงานและให้รางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยบริหารความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ โดยระบบจะส่งและพิมพ์ใบสั่งซื้อไปยังผู้ผลิตสินค้าได้โดยตรงจากสโตร์ฮับได้อีกด้วย
ไว ฮง ฟง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจและเชนร้านค้าระดับท็อปในไทยใช้บริการระบบจัดการร้านของสโตร์ฮับแล้วหลายราย อาทิ ISSUE Thailand, With.it.store, Harmenstone, Andasi, SUITCUBE, Nail It, N So-ya, The Oqposite, Momas, Wondering Cafe bakeshop, ถิง ถิง, ไข่หวานบ้านซูชิ และนนท์ เบเกอรี่ เป็นต้น ซึ่งช่วยการันตีได้เป็นอย่างดีว่าระบบจัดการร้านของสโตร์ฮับ เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจแบบออฟไลน์ที่ต้องการจัดการกับข้อมูลจำนวนมาก หรือกลุ่มธุรกิจที่ต้องรองรับการใช้งานหลายสาขา และยังเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจะเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองหรือกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และล่าสุดสโตร์ฮับได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ให้บริการ SCB Payment Gateway แก่ลูกค้าที่เปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ ด้วยการรองรับการจ่ายเงินในรูปแบบ E-payment ให้การซื้อ-ขายออนไลน์สะดวกสบายและไร้ขีดจำกัดมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้บริการระบบ POS ของ StoreHub ได้ตามความต้องการ มีทั้งแบบแพ็กเกจเริ่มต้นเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก แพ็กเกจกลางสำหรับธุรกิจที่มีหลายสาขา ซึ่งจะได้รับบริการเพิ่มเติม อาทิ การจัดการสต๊อกแบบตัดวัตถุดิบและระบบคลังสินค้า ติดตามสต๊อกแบบแยกส่วน และทำราคาขายแตกต่างกันในแต่ละสาขา แจ้งเตือนสินค้าใกล้หมดผ่านอีเมล ระบบ CRM แบบสะสมแต้ม ปรับแต่งราคาและโปรโมชั่น และแพ็กเกจโปร เหมาะกับกิจการขนาดใหญ่ที่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลพิเศษและได้รับสิทธิพิเศษในการติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมจากแพ็กเกจ โดยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่รายเดือน 1,250 บาท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถติดตั้งและใส่สินค้าในระบบได้ง่ายและรวดเร็ว และไม่ต้องกังวลกับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต เนื่องจากลูกค้าของสโตร์ฮับจะได้รับการอัพเกรดระบบเวอร์ชั่นล่าสุดแบบอัตโนมัติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และทุกแพ็กเกจมาพร้อมกับ 1 ระบบเครื่องคิดเงิน ไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้งาน พร้อมให้คำปรึกษาและคอยช่วยเหลือฟรี
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.storehub.com/th/ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. +6625 088 499 ได้ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เวลา 9.30 – 18.30 น. หรืออีเมลได้ที่ sales@storehub.com