กรุงเทพฯ 19 กุมภาพันธ์ 2563 : กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายธุรกิจที่มีศักยภาพในต่างประเทศต่อเนื่อง เผยล่าสุดได้ลงนามในข้อตกลงการร่วมลงทุนกับบริษัท Metro Pacific Investments Corporation (MPIC) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อร่วมกันพัฒนาและจัดการการบริหารทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยในฟิลิปปินส์ เชื่อความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยก่อให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจที่ต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต โดยการร่วมทุนครั้งนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก Philippine Competition Commission (“PCC”) ซึ่งคาดว่าเงื่อนไขดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2563 และการเข้าร่วมลงทุนกับ MPIC จะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญกับ MPIC ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ และเป็นผู้พัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ อาทิเช่น โรงไฟฟ้า ทางหลวง การประปา และรถไฟฟ้ารางเบา เป็นต้น ทั้งนี้ MPIC มีความประสงค์ที่จะลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรมและคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย โดยต้องการผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว กลุ่มดุสิตธานีจึงเห็นว่าการร่วมลงทุนกับ MPIC ในครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์เกื้อหนุนร่วมกัน (Synergy) และเป็นการสร้างกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญของกลุ่มดุสิตธานีและ MPIC ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะก่อให้การเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต
ภายใต้การร่วมลงทุนดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 979.05 ล้านบาท (หรือ 1,605.00 ล้านเปโซฟิลิปปินส์) บริษัท Metro Vantage Properties Inc., (MVPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพยย์ ธุรกิจให้บริการและการท่องเที่ยวของ MPIC และบริษัท Dusit Philippines Corporation ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล จะร่วมกันลงทุนจัดตั้งสองบริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์ คือ Metro Dusit Inc. (MDI) และ Dusit Hospitality Management Corporation (DHM) โดย MDI จะประกอบธุรกิจเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการโรงแรมและคอนโดมีเนียมในฟิลิปปินส์ ในขณะที่ DHM จะประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมและโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในฟิลิปปินส์ โดยรับบริหารโครงการต่างๆ ของ MDI และผู้ประกอบการรายอื่น รวมถึงรับบริหารโรงแรมของกลุ่มดุสิตที่อยู่ในฟิลิปปินส์ทั้งหมดด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิตธานี กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือระหว่างกลุ่มดุสิตธานีกับ MPIC นั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ 3 ประการของดุสิตธานีที่วางไว้เป็นเป้าหมายในระยะยาว ได้แก่ การสร้างการเติบโต การสร้างสมดุลให้กับธุรกิจ และการกระจายความเสี่ยง โดยดุสิตธานีมีเป้าหมายที่จะขยายฐานในตลาดหลักและตลาดเกิดใหม่ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างรายได้ภายในประเทศและระหว่างประเทศในปี 2025 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า
“ด้วยความต้องการรีสอร์ทและโรงแรมคุณภาพสูงในฟิลิปปินส์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์นี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเรา โดยในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 8 ล้านคนเดินทางมายังฟิลิปปินส์ และในปี 2563 กระทรวงการท่องเที่ยวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 9.2 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศก็แข็งแกร่งเช่นกัน โดยฟิลิปปินส์มีนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 111.4 ล้านคนในปี 2561 ซึ่งด้วยประสบการณ์อันยาวนานของ MPIC กับเอกลักษณ์ด้านการบริการและการบริหารของดุสิตธานี ที่ทำตลาดในฟิลิปปินส์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้มั่นใจว่า จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งทางด้านการท่องเที่ยว โรงแรม รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายประเทศในเอเชียจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า แต่ข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างกลุ่มดุสิตธานีและ MPIC จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเรามั่นใจว่า เป็นช่วงเวลาที่ปัจจัยดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว” นางศุภจีกล่าว
ด้าน นายมานูเอล วี ปางปินัน ประธานกรรมการ MPIC กล่าวว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ MPIC กับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบริการและการท่องเที่ยว ด้วยการผนึกความร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานี ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์กว่า 70 ปีในการให้บริการอย่างอบอุ่นแบบไทยทั่วโลก ซึ่งหลังจากนี้ไป MPIC หวังว่าจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมบริการ ท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพในฟิลิปปินส์ และสามารถตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของฟิลิปปินส์อีกด้วย