กรุงเทพฯ, ธันวาคม 2019 – เทรนด์ไมโคร ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ได้ประกาศในวันนี้ว่า ตนเองได้รับคะแนนสูงสุดด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอและด้านยุทธศาสตร์ รวมทั้งได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองในด้านบทบาทที่มีในตลาด อ้างอิงจากรายงาน The Forrester Wave™: Cloud Workload Security, Q4 2019 ซึ่งทางเทรนด์ไมโครเชื่อว่าการได้รับการยกย่องเช่นนี้ได้พิสูจน์ความเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์สำหรับคลาวด์และด้านยุทธศาสตร์ในฐานะผู้นำในตลาดความปลอดภัยสำหรับคลาวด์
โดยทาง Forrester ได้ประเมินผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความปลอดภัย 13 รายอย่างเข้มงวด โดยเกณฑ์การประเมินกว่า 30 รายการใน 3 กลุ่มได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีในปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ และบทบาทที่มีในตลาด
“เราได้ลงทุนไปมากสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนคลาวด์จึงมองว่ารายงานฉบับนี้ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์นวัตกรรมที่มีอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งของเรา“ Steve Quane รองประธานบริหารด้านการปกป้องเครือข่ายและความปลอดภัยสำหรับไฮบริดจ์คลาวด์ของเทรนด์ไมโครกล่าว “เราถือเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยรายแรกๆที่มองเห็นแนวโน้มการโจมตีโหลดงานบนคลาวด์ และพัฒนาโซลูชั่นความปลอดภัยเพื่อรองรับ ซึ่งเราได้วางยุทธศาสตร์อย่างตรงเป้าหมายด้วยการผสานเทคโนโลยีความร่วมมือต่างๆ และการประสานความร่วมมือด้วยการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมา“
นอกจากนี้เรื่องของความครอบคลุมดังกล่าวแล้ว ทาง Forrester ยังยกย่องผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยสำหรับคลาวด์ของเทรนด์ไมโครในอีกหลายด้านไม่ว่าจะเป็น
• “โซลูชั่นในอุดมคติสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความต้องการระบบความปลอดภัยสำหรับโหลดงานบนคลาวด์หรือ CWS ที่ครอบคลุมทั้งโหลดงาน ซุปเปอร์ไวเซอร์ และคอนเทนเนอร์”
• ในรายงานยังระบุด้วยว่า “การปกป้องในระดับโอเอส ในรูปของเอเจนต์นั้น มีความแข็งแกร่งมากและได้รวมเอาการป้องกันมัลแวร์และปกป้องหน่วยความจำ, การตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์, ไฟร์วอลล์แบบ Host-based, การตรวจจับและป้องกันการบุกรุก, การตรวจสอบบันทึก log, และการควบคุมข้อมูลไบนารี่ของแอพพลิเคชั่น”
• “การควบคุมการเข้าถึงแบบอิงตามบทบาทหรือ RBAC ถือว่ามีความยืดหยุ่นมากสำหรับแอดมิน ส่วนระบบตรวจสอบรันไทม์และก่อนรันของคอนเทนเนอร์ก็ถือว่าครอบคลุม นอกจากนี้โซลูชั่นยังมีเอพีไอที่กว้างมากสำหรับส่วนควบคุมโพลิซีของ Deep Security”
เทรนด์ไมโครได้ออกแบบระบบป้องกันสำหรับโหลดงานที่รันบน Amazon Web Services, Microsoft Azure, Google Cloud, Vmware, และ Docker เปิดให้ลูกค้าสามารถติดตั้งระบบแบบอัตโนมัติเพื่อรักษาความปลอดภัยและทำให้ตรงตามข้อกำหนดได้อย่างต่อเนื่องสำหรับลักษณะการทำงานแบบ DevOps