ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับพิธีมอบรางวัลโครงการ U Power Digital Idea Challenge Season 3 โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย พร้อมด้วย การสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก กระทรวงศึกษาธิการ และมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 40 สถาบัน ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นเวทีสำคัญที่นิสิต นักศึกษาจะได้จุดประกายความคิด ได้แสดงออก ได้เริ่มต้นเรียนรู้และมีแนวทางในการทำธุรกิจ การตลาดที่ถูกต้องและชัดเจน สามารถผนึกเอาดิจิทัลเทคโนโลยีมาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด โดยพิธีประกาศผลและมอบรางวัลจัดขึ้น ณ โรงแรมเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ เมื่อเร็ว ๆ นี้
โครงการ U Power Digital Idea Challenge Season 3 ในปีนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากมหาวิทยาลัย นักศึกษา ที่ร่วมในโครงการ และยังได้รับความสนับสนุนจากองค์กรที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในด้านการใช้กลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่น ได้แก่ บริษัท ยูสตาร์ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด, บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด และ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
โดยทีมที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้แก่ “ทีม ฃ ขยันซะหน่อย” จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 4 ประกอบด้วย น.ส.ชลธิศา เวสน์ คุณไพบูลย์ (ภาควิชาการบัญชี), น.ส.วริชยา พุ่มจันทร์ (ภาควิชาการบัญชี), น.ส.ธนพร อักสวง (ภาควิชาสถิติ), นายพีรภัค วศินชัชวาล (ภาควิชาสถิติ), น.ส.สินีนาฏ อยู่สุข (ภาควิชาพาณิชยศาสตร์) ซึ่งได้รับโจทย์การแข่งขันของ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด หรือ “แบรนด์ ควิก” รับทุนการศึกษา จำนวน 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี
ด้าน ทีมชนะเลิศ “ทีม ฃ ขยันซะหน่อย” จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า เลือกโจทย์ของแบรนด์ควิกแสบเพราะเห็นว่าดูค่อนข้างวัยรุ่นและอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรามากที่สุด จึงเลือกใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางหลักเพราะเห็นว่ามีวัยรุ่นและวัยทำงานค่อนข้างเยอะ ตลอดจนใช้อินสตาแกรมเพื่อโปรโมทให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้มากยิ่งขึ้น พวกเราอยากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่อง Generic Name ของควิก และเรื่องการรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปที่คนทั่วไปที่เขามีรสชาติประจำตัวที่ชื่นชอบอยู่แล้ว จึงร่วมกันคิดบิ๊กไอเดียร่วมกันคือคำว่า “แซ่บทันใจ” เพื่อมุ่งเน้นเข้าหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3 ทางหลัก ได้แก่ เน้นการสร้าง Brand awareness (การรับรู้) Brand ENGAGEMENT (การมีส่วนร่วม) กับทางแบรนด์มากขึ้น และการสร้างแฟนคลับ ซึ่งรางวัลที่ได้มานี้เกินความคาดหมาย เพราะมีทีมเก่งเยอะมาก จึงเป็นความภูมิใจเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะนำไปต่อยอดกับการทำงานจริงของพวกเราต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนขององค์กรผู้สนับสนุนต่างๆ ของโครงการในปีนี้ ยังได้กล่าวถึงมุมมองต่าง ๆ จากการที่เข้าร่วมโครงการ U Power Digital Idea Challenge Season 3 ตลอดจนชื่นชมความคิดในผลงานประกวดของนักศึกษาที่พร้อมจะนำไปต่อยอดใช้งานในอนาคตขององค์กร พร้อมกับการให้สนับสนุนนักศึกษาในเรื่องนี้ต่อไป
คุณวริศรา หมัดป้องตัว Marketing Communications Manager บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปกติริโก้จะทำแบรนด์ลักษณะ BtoB แต่ปัจจุบันต้องการจะขยายตลาดจาก BtoB เป็น BtoC จึงมองว่านักศึกษาระดับอุดมศึกษาจะสามารถแพลนเรื่อง Marketing Strategy ได้ดีขึ้น สามารถทำพรีเซนเทชั่นและนำไปปฏิบัติงานได้จริง เราจึงให้การสนับสนุนโครงการประกวดต่างๆ ในลักษณะนี้ ทั้งระดับประถม มัธยม และมหาวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโจทย์ของริโก้ในเวทีนี้ค่อนข้างยาก เพราะเรามีเรื่องการขายหมึกในตลาดออนไลน์ จึงต้องการให้น้องตีโจทย์ตรงนี้ ว่าถ้าเราต้อง Educate ตลาดจะต้องทำ Marketing Strategy หรือ วิธีทางการตลาดเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างไร ซึ่งน้องที่เข้ารอบสามารถทำออกมาได้ดีมากและหลายชิ้นที่เขาครีเอทออกมาและสามารถนำไปต่อยอดได้
คุณพิชามญช์ ชาญสิริโรจน์ Online Marketing บริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า แบรนด์ “สาวสยาม” ทำการตลาดเองมาสักพัก จะได้ไอเดียลักษณะของทางแบรนด์เองหรือทาง
เอเจนซี่ที่เป็นมุมมองของผู้ใหญ่ หรือมุมมองเดิม ๆ แต่สำหรับโครงการนี้เหมือนเราได้เปิดโอกาสให้น้องๆ เสนอไอเดียขึ้นมาเองก็จะเป็นมุมมองที่ต่างออกไปจากมุมมองที่เรามอง จะค่อนข้างใหม่ขึ้น ถึงจะเป็นมุมมองเล็ก ๆ ก็สามารถนำมาต่อยอดเป็นสิ่งที่ใหญ่ได้ น้องๆ สามารถนำเสนอไอเดียเกี่ยวกับแบรนด์ได้น่าสนใจ มีบางไอเดียจากเวทีประกวดที่ดีมากเทียบได้กับระดับเอเจนซี่โฆษณาเลย สำหรับน้อง ๆ ที่ส่งผลงานเข้าประกวดเห็นว่ามีความตั้งใจและใส่ใจมากทำให้ผลงานออกมาค่อนข้างจะจริงจัง มีการทำกิจกรรมจริง มีผลงาน มีการสรุป เป็นงานที่สามารถตอบโจทย์แบรนด์ได้ตามที่ตั้งโจทย์ไว้ได้ดีมาก
คุณวีรเดช อัศวเดชวุฒิกุล Digital Marketing Manager บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า คอมมี่เป็นสินค้าประเภทแก็ดเจทที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สินค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือนักศึกษาและวัยทำงาน เราจึงมองว่าถ้านักศึกษาได้มาแข่งขันเรื่องการทำการตลาด เขาก็จะได้ในเรื่องการทำงานจริง ส่วนบริษัทก็จะได้ในเรื่องของสื่อที่จะเข้าไปเจาะกลุ่มกลุ่มเป้าหมายนิสิตนักศึกษาด้วย เราจึงเห็นประโยชน์จึงให้การสนับสนุนโครงการนี้ สำหรับผลงานของน้อง เห็นว่าเขานำสิ่งที่เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงานและทำแผนการตลาดต่าง ๆ ซึ่งอาจจะต้องมีการพัฒนาทั้งในการเรียนและการทำงานต่อไป
โครงการนี้ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์งานด้านการตลาดที่นอกเหนือตำราเรียนอย่างแท้จริง น้องๆ ได้รู้จักต่อยอดเชิงพาณิชย์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เมื่อจบการศึกษาก็จะสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่มีจากโครงการนี้ ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานจริง เพื่อประสบความสำเร็จในอนาคต