ปรากฎการณ์งานศิลป์แห่งปีกับงานเปิดตัว The Fighters Project (เดอะ ไฟท์เตอร์ โปรเจค) งานนิทรรศการภาพถ่ายและหนังสือที่ได้แรงบันดาลใจจาก 6 คนพิการ

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

ผ่านพ้นไปแล้วกับการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของโปรเจค “เดอะ ไฟท์เตอร์” นิทรรศการภาพถ่ายและหนังสือภาพถ่ายที่รวบรวมภาพถ่ายของผู้พิการสู้ชีวิตทั้ง 6 คน ผ่านเลนส์กล้องของ นายสุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ Creative Chairman บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด ร่วมด้วย คุณสุภรธรรม  มงคลสวัสดิ์ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย งานนี้ยังได้ คุณสู่ขวัญ บูญกุล มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ และที่สำคัญยังได้ดาราพิธีกรสาวสวย คุณตุ๊ก ชนกวนันท์ รักษ์ชีพ ให้เกียรติมาเป็นพิธีกรในงาน ซึ่งงานนี้มีคนในแวดวงถ่ายภาพและครีเอทีฟมาร่วมบริจาคกันอย่างคับคั่ง ณ ลานกิจกรรม ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ผ่านมา

เดอะ ไฟท์เตอร์ โปรเจค นิทรรศการภาพถ่ายและหนังสือภาพถ่ายของผู้พิการสู้ชีวิตทั้ง 6 คน จัดทำขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ต้องต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตในปัจจุบัน โดยการนำเสนอภาพและไลฟ์สไตล์ของผู้พิการทั้ง 6 คน ได้แก่ คุณเอกชัย วรรณแก้ว ศิลปินนักวาดภาพไร้แขนน้องเบส พีรัช พนาโยธากุล หนุ่มผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม เจ้าของกิจการร้านตัดเสื้อน้องฝ้าย บุญธิดา ชินวงษ์ บิวตี้บล็อกเกอร์ ผู้พิการไร้แขนน้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ผู้พิการไร้ขาทั้งสองข้าง ซึ่งกำลังศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย และทำงานเป็น “ผู้สำรวจความสุข” ที่โรงพยาบาลคุณสุเมตร ธรรมวงศ์ มือกลองตาบอดแห่งวงดนตรีไดมอนด์ และ คุณสายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบทีมชาติไทย ผู้ขาพิการทั้งสองข้าง เขาทั้งหมดนี้ล้วนมาจากต่างสายงานอาชีพที่ต้องต่อสู้และไม่ย่อท้อกับสถานการณ์ต่างๆ ในทุกวัน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดพร้อมเสมอที่จะเผชิญหน้ากับทุกเรื่องแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ เพราะพวกเขาคิดเสมอว่าต้องมุ่งมั่นทำทุกอย่างให้สำเร็จบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ในที่สุด

ภายในงานได้มีการจำหน่ายโฟโต้บุ๊คและภาพถ่ายของ 6 นักสู้ชีวิต พร้อมเปิดรับเงินบริจาค ซึ่งรายได้ทั้งหมดของโฟโต้บุ๊คและภาพถ่าย หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วรวมทั้งยอดเงินบริจาคทั้งหมดจากการขอร่วมรับบริจาคจะมอบให้กับมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย (มพพท.)

นายสุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ กล่าวว่า ด้วยสายงานครีเอทีฟและความชื่นชอบในการถ่ายภาพ ผมคิดว่าคงจะดีถ้าผมสามารถใช้ทักษะและความสามารถที่มีทำประโยชน์แก่สังคมได้บ้าง ผมจึงทำโปรเจคภาพถ่ายชุด “The Fighters” หรือ “นักสู้” นี้ขึ้น เพราะตั้งใจอยากให้ภาพและเรื่องราวของนักสู้ทั้ง 6 ท่าน ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน และถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างพลังบวกสู่สังคม เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิต อย่าให้ความไม่พร้อมไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ มาเป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้เราจมปลักอยู่กับอุปสรรคต่างๆ นอกจากนี้ผมอยากให้ทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อคนพิการ ช่วยกันสนับสนุนให้พวกเขามีสิทธิและความเสมอภาคเท่ากับบุคคลทั่วไปซึ่งจะเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้คนพิการมีความหวังและสามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า” นายสุทธิศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า “ผมอยากให้สังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ มุ่งเน้นโครงการส่งเสริมทักษะและอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อให้พวกเขาเป็นพลังที่เข้มแข็งของสังคม และเป็นตัวอย่างของผู้ที่สู้ชีวิต พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ได้’ ทั้งนี้ผมและทีมงานอยากจะขอบคุณผู้ที่สนับสนุนโปรเจ็กต์ “The Fighters”ทุกท่าน ทั้ง บริษัท ไลก้า (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับอุปกรณ์ถ่ายภาพ, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับความอนุเคราะห์เรื่องสถานที่, บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดูแลเรื่องการจัดนิทรรศการ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์พลังบวกนี้สู่สังคม

ด้าน นายสุภรธรรม  มงคลสวัสดิ์ กรรมการและเลขาธิการ มพพท. กล่าวว่า “มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยจัดตั้งสนับสนุนและส่งเสริมความมีโอกาสอันเท่าเทียมของคนพิการในประเทศไทย โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างโอกาสการเข้าไปมีส่วนร่วมของคนพิการในสังคม ซึ่ง เดอะ ไฟท์เตอร์ โปรเจค เป็นนิทรรศการที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์นักสู้ของคนพิการ และแสดงให้เห็นถึงความเสมอภาคของคนพิการในสังคมได้เป็นอย่างดี โดยรายได้จากการการจัดงานครั้งนี้ ทางมูลนิธิสามารถนำไปสนับสนุนภารกิจหลักของตัวมูลนิธิ คือ การพัฒนาคนพิการอย่างยั่งยืน ด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ การศึกษา อาชีพ กิจกรรมกีฬา นันทนาการ วัฒนธรรม สังคม และอื่นๆ”

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบริจาคภาพถ่ายและหนังสือภาพถ่าย “เดอะ ไฟท์เตอร์” โปรเจค ของเหล่านักสู้ทั้ง 6 สามารถสั่งซื้อได้ที่ https://www.facebook.com/thefightersproject/ อีเมล: thefightsproject18@gmail.com

อ่านต่อ
Share.

Comments are closed.