กรุงเทพฯ 29 มีนาคม 2562 : ดุสิตธานี เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ในงาน Opportunity Day บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,565 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 290 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2562 กลุ่มดุสิตธานีจะขับเคลื่อนยุ ทธศาสตร์ในช่วงที่ 2 ซึ่งจะเป็นช่วงการรับรู้ศั กยภาพของการเติบโต จากโครงการใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตั วโรงแรมใหม่อีกหลายแห่ งในประเทศต่างๆ ทั่วโลกภายใต้รูปแบบการรับจ้ างบริหาร แฟรนไชส์ หรือเช่ามาบริหารเพื่อสร้ างรายได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง รวมถึงการเปิดสถาบันการศึ กษาการโรงแรมแห่งใหม่ในประเทศฟิ ลิปปินส์ และการเสริมธุรกิจอาหารให้มี ความชัดเจนและแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของกลุ่มดุ สิตธานีเติบโตขึ้ นและทดแทนรายได้ที่ หายไปจากการหยุดให้บริ การของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ เลย หากว่าการดำเนินยุทธศาสตร์ ในระยะที่ 1 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามที่ วางไว้ โดยเฉพาะในช่วงปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ ายของแผนระยะแรก ที่ดุสิตธานีได้ดำเนินการอย่ างเข้มข้น จนทำให้บริษัทฯ มีพัฒนาการและประสบความสำเร็ จในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายแบรนด์ ของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิ ตอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตั วโรงแรมใหม่ 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งสองแห่งเป็นตลาดใหม่ที่กลุ่ มดุสิตธานีไม่เคยมีโรงแรมมาก่อน เช่น ภูฐานและเวียดนาม
นอกจากนี้ ดุสิตธานียังรุกเข้าไปยังเมื องท่องเที่ยวชั้นนำในตลาดตะวั นออกกลางและจีน ในรูปแบบของการรับจ้างบริ หารโรงแรมและแฟรนไชส์ ทำให้ปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรี สอร์ทในเครือดุสิตที่กำลังจะเปิ ดรวมทั้งหมด 64 แห่ง และในขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสทางธุ รกิจและความเป็นไปได้ในการเช่ าซื้อสินทรัพย์ (lease agreement) เพื่อมาบริหารเองในตลาดที่มีศั กยภาพสูงอย่างออสเตรเลีย ยุโรปและประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
“เรายังเดินหน้าศึกษาพฤติ กรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ ยนแปลงไปตามความก้าวหน้ าของเทคโนโลยี และคอยปรับตัวให้กับการเปลี่ ยนแปลง ดังนั้น ในปีที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีได้ขยายไปสู่ โรงแรมแบรนด์ “อาศัย” เพื่อรองรับลูกค้าที่เป็นนักเดิ นทางกลุ่มมิลเลนเนียล ที่ชื่นชอบประสบการณ์การท่องเที่ ยวที่เข้าถึงเหมือนกับเป็ นคนในท้องถิ่นจริงๆ ตามย่านในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ซึ่งดุสิตฯ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเติ บโตในเซ็กเมนต์นี้ ด้วยโรงแรมอาศัยที่จะเปิดตัวให้ บริการ 5 แห่งใน 3 ประเทศได้แก่ ประเทศไทย พม่า และฟิลิปปินส์ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของ อีลิท เฮเวนส์ แบรนด์ผู้ให้บริการเช่าวิลล่ าหรูระดับไฮเอนด์ชั้นนำของเอเชี ย ก็เป็นอีกก้าวสำคัญของดุสิตฯ ในการขยายตัวเข้าไปในธุรกิจบริ การบ้านพักตากอากาศระดับบน เพื่อเพิ่ มความสามารถของเราในการมอบบริ การให้กับลูกค้าที่มีความต้ องการที่แตกต่างออกไป ทำให้เครือดุสิตฯ มีวิลล่าตากอากาศกว่า 200 หลัง พร้อมด้วยพนักงานที่ทำหน้าที่ ให้บริการตามวิลล่าเหล่านั้ นในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไทย ศรีลังกา ญี่ปุ่น และมัลดีฟส์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุ สิตธานีกล่าว
พร้อมกันนี้ ดุสิตธานียังได้ขยายการลงทุ นไปยังธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ ยวเนื่องกับธุรกิจหลักด้ วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรที่ แข็งแกร่ง ด้วยการตั้งบริษัทดุสิต ฟู้ดส์ เพื่อลงทุนในบริษัทเอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือเอ็นอาร์ไอพี ที่เป็นผู้ผลิตและส่ งออกซอสและเครื่องปรุงอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำ และล่าสุดยังได้เข้าลงทุนในบริ ษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด (ECC) ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ มโรงเรียนนานาชาติในเอเชียตะวั นออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิ จอาหารและธุรกิจเคเทอริ่ง รวมถึงการจัดตั้งบริษัท ดุสิต กูร์เมต์ ในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อต่อยอดการทำการตลาดผลิตภั ณฑ์อาหาร ที่มองเห็นโอกาสและศั กยภาพในการนำประสบการณ์ของดุสิ ตฯ มาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ และทำให้แบรนด์ดุสิตเป็นที่รู้ จักมากยิ่งขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวด้วยว่า ในขณะที่ดุสิตธานี แสวงหาโอกาสลงทุน เพื่อสร้างความเติบโต สร้ างความหลากหลายและกระจายความเสี่ ยงในธุรกิจต่างๆ บริษัทฯ ก็เดินหน้าปรับโครงสร้างทรัพย์ สินภายใต้การบริหารเพื่อเพิ่มศั กยภาพให้กับทรัพย์สิน โดยล่าสุด ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริ มทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิ ตธานี (DREIT) ได้มีมติขยายการลงทุนในกรรมสิ ทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริ มทรัพย์ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้ องในโครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ จากบริษัทย่อยของดุสิตธานี ซึ่งการขายโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ให้กับ DREIT ครั้งนี้ เป็นไปตามกลยุทธ์การลงทุ นและการจัดการโครงสร้ างทางการเงินและโครงสร้างทรัพย์ สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ดุสิตธานียังคงเป็นผู้บริ หารโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ทำให้ยังคงรับรู้รายได้ จากการบริหารไว้เช่นเดิม
ทั้งนี้ จากการวางรากฐานที่เข้มแข็งในช่ วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่า ยุทธศาสตร์ในระยะที่ 2 นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะเป็นการรับรู้ศักยภาพการเติ บโตจากการกระจายการลงทุน รวมถึงเพิ่มโอกาสในการสร้ างรายได้ และแสวงผลตอบแทนจากการลงทุนให้ กับดุสิตธานีได้อย่างแท้จริง